ทรีทเมนท์หน้ามีอะไรบ้าง: วิธีการและเครื่องมือที่ใช้ทำทรีทเมนท์หน้าในปัจจุบัน
การทำทรีทเม้นท์หน้า (Facial Treatment) ถือเป็นการดูแลผิวหน้าอย่างหนึ่งที่นิยมในยุคปัจจุบัน ซึ่งการทำทรีทเม้นท์มีวิธีการและประโยชน์ที่หลากหลาย ทั้งการทำทรีทเม้นท์เพื่อความสวยความงาม การทำทรีทเม้นท์เพื่อการรักษาและแก้ปัญหาผิวหน้า เช่น สิว (Acne), ริ้วรอย (Wrinkle), ฝ้า (Melasma), กระ (Freckles), จุดด่างดำ (Dark Spots) รวมไปถึงการทำทรีทเม้นท์เพื่อความผ่อนคลาย โดยในปัจจุบัน การทำทรีทเม้นท์มักใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีที่มีความทันสมัย ผสมผสานเข้ากับการนวดหรือใช้มือสัมผัสกดจุดเพื่อความผ่อนคลาย ซึ่งวิธีที่นิยมในปัจจุบัน มีดังนี้
1. การใช้สารสกัดและครีมบำรุง
โดยทั่วไปคนส่วนใหญ่มักดูแลผิวหน้าโดยการใช้ครีมที่มีส่วนผสมที่ช่วยบำรุงผิวอยู่แล้ว แต่การใช้ครีมเพียงอย่างเดียว อาจไม่ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับผิวหน้ามากนัก จึงควรดูแลผิวควบคู่กับวิธีอื่นๆ ด้วย ซึ่งในการทำทรีทเมนท์ มักจะใช้ครีมบำรุงและสารสกัดที่เหมาะกับสภาพผิวและการแก้ปัญหาของแต่ละบุคคล ตัวอย่างครีมและสารบำรุงผิวที่เจอบ่อยๆในการทำทรีทเม้นท์ เช่น
– วิตามิน (Vitamin) เช่น วิตามินซี, วิตามินเอ มีส่วนช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างใสขึ้น และช่วยลดรอยดำรอยแดงบนผิวหน้าได้
– ครีมบำรุงและเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิว (Moisturizer) หรือเซรั่ม (Serum) เพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื่นและแข็งแรงขึ้น
– ครีมที่มีส่วนผสมของเรตินอยด์ และคอลลาเจน มีส่วนช่วยในการกระชับผิวหน้าและลดริ้วรอยได้
2. การใช้เครื่องมือผลักวิตามินเข้าสู่ผิว (Phonophoresis)
เครื่องมือผลักวิตามินเข้าสู่ผิว (Phonophoresis) มีวิธีการทำงานคือการปล่อยคลื่นความถี่สูงลงบนผิวหน้าหลังจากทาครีมบำรุงและวิตามินแล้ว ทำให้ตัวยาและสารบำรุงผิวซึมเข้าสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้น โดยวิธีนี้แนะนำว่าควรทำอย่างต่อเนื่องเผื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน
3. การใช้เลเซอร์ หรือแสงความเข้มข้นสูง
ปัจจุบัน มีการใช้เลเซอร์และแสงความเข้มข้นสูงในการแก้ปัญหาผิวหน้าอย่างหลากหลาย เช่น การกำจัดและลดเลือนจุดด่างดำ การผลัดเซลล์ผิวชั้นนอก (Laser resurfacing) ซึ่งถือเป็นอีกวิธีหนึ่งที่มีประสิทธิภาพ และเห็นผลได้ดีหากทำต่อเนื่อง แต่การใช้เลเซอร์และแสงความเข้มข้นสูงยังมีข้อจำกัดอีกมาก จึงควรศึกษาและอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
4. การใช้คลื่นเสียงอัลตราซาวด์ (Ultrasound)
การใช้คลื่นเสียงอัลตราซาวด์ยกกระชับผิวหน้า (Ultrasound skin tightening) เป็นการปล่อยคลื่นเสียงให้เข้าไปทำความร้อนใต้ผิวในตำแหน่งที่กระตุ้นให้ผิวหน้าสร้างคอลลาเจน เพื่อให้ผิวหน้ากระชับ ลดริ้วรอย วิธีนี้ค่อนข้างใช้เวลาในการสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลง อาจต้องทำต่อเนื่อง 3-6 เดือน และผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล จึงมักใช้ร่วมกับวิธีอื่นๆ ในการทำทรีทเม้นท์หน้า
5. การใช้ Radiofrequency therapy
Radiofrequency therapy คือการใช้คลื่นวิทยุเข้าไปกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน (Collagen) และอีลาสติน (Elastin) ใต้ผิวหนัง เพื่อช่วยให้ผิวหน้ากระชับ ลดเลือนริ้วรอย และผิวหน้ากระจ่างใส โดยวิธีนี้ ผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล บางคนอาจเห็นการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ แต่ในบางคนอาจต้องทำหลายครั้งจึงจะเห็นความเปลี่ยนแปลง
ข้อแนะนำในการทำทรีทเม้นท์
ในปัจจุบัน การทำทรีทเม้นท์ไม่ได้จำกัดแค่ในวงการความสวยความงามเท่านั้น แต่ยังสามารถแก้ปัญหาผิวหน้าและสร้างความมั่นใจให้ผู้เข้ารับบริการ ด้วยเทคโนโลยีที่หลากหลายและความก้าวหน้าทางด้านการแพทย์สมัยใหม่ ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการดูแลผิวหน้าในยุคปัจจุบัน
ทรีทเม้นท์หน้า | ทรีทเม้นท์หน้าใส | ทรีทเม้นท์หน้าที่ไหนดี | ทรีทเม้นท์หน้าใสที่ไหนดี